World of Scent : Peppermint

World of Scent : Peppermint

World of Scent : Peppermint

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับรสชาติของลูกอม และ กลิ่นของยาดมที่มีเปปเปอร์มินต์เป็นส่วนผสม แต่ทราบหรือไม่ว่า สมุนไพรชนิดนี้อยู่คู่กับมนุษย์มานานนับพันปีแล้ว เนื่องจากเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ถูกบันทึกไว้ในการปรุงอาหารและยา ตั้งแต่ในสมัยโรม กรีก และอียิปต์โบราณ นั่นยังรวมถึงการใช้น้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์เพื่อดูแลสุขภาพอีกด้วย

ในบทความนี้ CHOL Aromatique ขอพาไปรู้จักกับเปปเปอร์มินต์ สมุนไพรอันทรงคุณค่าที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก พร้อมคุณประโยชน์และวิธีใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์

ความเป็นมาของ เปปเปอร์มินต์ หนึ่งในสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก


เปปเปอร์มินต์ถูกนำมาใช้เพื่อเหตุผลทางด้านสุขภาพมาเป็นเวลาหลายพันปี การใช้ประโยชน์จากเปปเปอร์มินต์ในหลากหลายรูปแบบและวิธีการมีต้นกำเนิดมาจากยุคอียิปต์โบราณ เมื่อ 1550 ปีก่อนคริสตกาล มีหลักฐานเป็นข้อความทางการแพทย์ของอียิปต์ที่อ้างว่า เปปเปอร์มินต์สามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารได้ โดยเปปเปอร์มินต์เป็นสมุนไพรที่มีมูลค่ามาก จนถูกนำมาใช้เป็นรูปเงินในอียิปต์โบราณ ในปัจจุบันสำหรับคำว่า "มินต์" ยังหมายถึงโรงกษาปณ์ อีกด้วย

และเมื่อผู้คนทางตอนเหนือของยุโรปรู้จักกับการใช้เปปเปอร์มินต์ที่มาจากตะวันออกกลาง และเริ่มค้นพบเกี่ยวกับคุณสมบัติในการปรุงอาหารและใช้เป็นยาเพิ่มมากขึ้น นักบวชในยุคกลางนำเปปเปอร์มินต์มาใช้ในการทำความสะอาดฟัน และใช้ไล่สัตว์ฟันแทะออกจากห้องเก็บชีสอีกด้วย 

ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 เปปเปอร์มินต์กลายเป็นยารักษาโรคหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือรักษาอาการไมเกรน และเริ่มมีการทำฟาร์มเพื่อเปปเปอร์มินต์ในเชิงพาณิชย์ขึ้นในที่สุด

ปัจจุบัน เปปเปอร์มินต์ยังคงใช้รักษาอาการลำไส้แปรปรวน และปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอื่น ๆ รวมถึงโรคไข้หวัด อาการไซนัสอักเสบ อาการไอ อาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้ออีกด้วย 
นอกจากนี้ ยังมีการใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์กับผิวหนัง เพื่อแก้อาการคัน ใช้เพื่อการบำบัดด้วยศาสตร์อโรมาเธอราปี เพื่อช่วยบำบัดจิตใจ และบรรเทาความเครียดลงได้

มนุษย์ใช้คุณประโยชน์จากเปปเปอร์มินต์อย่างไรบ้าง

สมุนไพรเปปเปอร์มินต์ เป็นลูกผสมทางธรรมชาติระหว่างมินต์สองชนิดคือ วอเตอร์มินต์และสเปียร์มินต์ทั้งใบเปปเปอร์มินต์และน้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์ล้วนถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งหมด โดยน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ถูกนำมาจากส่วนดอกและใบของต้นเปปเปอร์มินต์ 


การใช้เปปเปอร์มินต์เพื่อดูแลสุขภาพ ถูกกล่าวถึงในตำราเภสัชของไอซ์แลนด์ในศตวรรษที่ 13 โดยมีตัวอย่างการใช้คุณประโยชน์ของเปปเปอร์มินต์ ดังนี้

  • บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย

การใช้เปปเปอร์มินต์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในอดีตคือการรักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร และรบบการย่อยอาหาร ชาวอียิปต์โบราณใช้เปปเปอร์มินต์รักษาอาการอาหารไม่ย่อย โดยมีหลักฐานว่า พบใบเปปเปอร์มินต์แห้งในปิรามิดของอียิปต์เมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล 


อย่างไรก็ตาม ความเชื่อทางประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้สิ้นสุดในอียิปต์โบราณ ชาวกรีกโบราณยังเชื่อว่าเปปเปอร์มินต์สามารถรักษาอาการสะอึกได้ และชาวโรมันยังใช้บรรเทาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ นับตั้งแต่ลูกอมรสมินต์ แบรนด์ Altoids ออกสู่ตลาดในปี 1780 เปปเปอร์มินต์ยังได้รับการยอมรับในวงกว้างว่า มีคุณสมบัติที่สามารถบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยและท้องอืดได้

  • ใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ เพื่อบรรเทาอาการปวด

รายงานที่ตีพิมพ์ครั้งแรก เพื่อบันทึกความเชื่อมโยงระหว่างเปปเปอร์มินต์กับการบรรเทาอาการปวดศีรษะเกิดขึ้นในปี 1879 และยังมีการศึกษาเป็นภาษาเยอรมันฉบับล่าสุด ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีทศวรรษ 1990 ในการศึกษาแบบปกปิดสองทาง นักวิจัยอ้างว่าสารละลายเอทานอล ซึ่งมีน้ำมันเปปเปอร์มินต์ 10 เปอร์เซ็นต์ ให้ผลในการบรรเทาอาการปวดศีรษะคล้ายกับอะเซตามีโนเฟน 1,000 มก. 

  • บรรเทาอาการปวดประจำเดือน

ในศตวรรษที่ 18 เปปเปอร์มินต์เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นยาตำรับพื้นบ้านสำหรับบรรเทาอาการปวดประจำเดือน โดยอาจเกี่ยวข้องกับความเชื่อที่ว่าเปปเปอร์มินต์ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จึงนำไปสู่การใช้ลดอาการปวดประจำเดือน

  • ใช้เป็นยาสีฟันเพื่อลมหายใจที่สดชื่น

เปปเปอร์มินต์ถูกนำมาใช้เพื่อสุขอนามัยในช่องปากที่ดีมานานราวสองพันปีแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิจัยค้นพบสูตรยาสีฟันที่เก่าแก่ที่สุดในห้องใต้ดินของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในกรุงเวียนนา ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 4 โดยชาวโรมันใช้เปปเปอร์มินต์ เกลือสินเธาว์ ดอกไอริสแห้ง และเมล็ดพริกไทย บดรวมกัน พร้อมด้วยการถ่มน้ำลายลงไป และนำไปใช้สำหรับการแปรงฟัน หลังจากนั้นแบรนด์คอลเกตก็เปิดตัวยาสีฟันที่มีกลิ่นเปปเปอร์มินต์ที่หอมสดชื่นเป็นครั้งแรกในปี 1873 


  • ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง

การใช้สมุนไพร น้ำมัน และขี้ผึ้ง เพื่อดูแลความงามมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ อย่าง ชาวอียิปต์โบราณก็จะใช้น้ำมันและครีม เพื่อทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่มและปกปิดกลิ่นตัว โดยเปปเปอร์มินต์และสมุนไพรอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำเครื่องหอมในพิธีกรรมทางศาสนา

รวม 4 วิธีใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์


  1. ใช้สูดดมโดยตรง จะช่วยให้รู้สึกเย็น สดชื่น หายใจได้โล่ง ทั้งยังช่วยลดอาการปวดหัวและไมเกรน บรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถพกติดตัว เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้อาการเมารถได้อีกด้วย
  2. ใช้ 10-15 หยด กับเครื่องพ่นอโรม่า (Aroma Diffuser) หรือ เตาอโรม่า (Aroma Burner) เพื่อกระจายกลิ่นภายในห้องหรือบริเวณบ้าน เนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสูดดม ให้หายใจได้โล่งขึ้น และทำให้กลิ่นกระจายได้ทั่วถึงทั้งบริเวณ
  3. นำน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์มาผสมน้ำมันตัวพาชนิดใดก็ได้ โลชั่น หรือ ออยบำรุงผิว เพื่อใช้นวดตัว ทำให้ผ่อนคลาย และรู้สึกสดชื่น โดยแนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์เพียง 2-3 หยด ผสมกับน้ำมันตัวพาชนิดใดก็ได้ 1 ช้อนชา 
  4. ใช้แช่เท้าเพื่อผ่อนคลาย พร้อมขัดและทำความสะอาดผิวเท้า โดยสามารถหยดน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์หยด 2-3 หยด หรือตามใจชอบ ผสมลงในน้ำอุ่น เพื่อใช้แช่เท้าก่อนนอน โดยหลังจากแช่เสร็จสามารถใช้ขัดทำความสะอาดเท้าได้ด้วย เพียงเท่านี้เท้าของคุณก็จะได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดี


ด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ให้ความรู้สึกเย็นสบายใน และสรรพคุณของเปปเปอร์มินต์ที่กล่าวไปข้างต้น หากได้มี น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์แท้ 100% สูตร Peppermint Pure & Natural Essential Oil จาก CHOL Aromatique พกติดตัวไว้ หรือ มีไว้ใช้ในบ้าน รับรองได้ว่าจะได้ใช้รับคุณประโยชน์จากสมุนไพรอันทรงคุณค่านี้แน่นอน


สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่: คลิก

Back to blog